วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

ส่วนประกอบของ CONTROL PANEL WIN 7

Control Panel คืออะไร
ถ้าคุณต้องการปรับแต่งการทำงานของ Windows  แก้ไขค่าของระบบเครือข่าย ติดตั้งโปรแกรม หรือถอดถอนโปรแกรม คุณจะต้องทำการผ่าน Control Panel  ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของการปรับแต่ง Windows โดยเฉพาะ การเข้าถึง Control Panel ใน Windows ที่ต่ำกว่า Windows 8 สามารถเข้าได้โดยตรง เพียงแค่คลิก Start และเลือก Control Panel  แต่สำหรับ Windows 8 Control Panel จะอยู่ภายในหัวข้อ PC Settings
Control Panel คือจุดศูนย์กลางของการปรับแต่ง Windows ในทุกๆ เวอร์ชั่น ดังนั้น คิดจะแก้ไขหรือมีปัญหา Windows ให้คิดถึง Control Panel ไว้ก่อนเลย
windows control panel
windows control panel

ส่วนประกอบสำคัญของ CONTROL PANEL

control panel main screen
control panel main screen
  • System and Security
    หัวข้อสำหรับตรวจสอบสถานะของระบบคอมพิวเตอร์ว่าทำงานได้ดีอย่างไร มีอะไรต้องแก้ไขหรือปรับปรุง รวมทั้งมีเครืองมือในการช่วยตรวจสอบข้อบกพร่องของ Windows ได้อีกด้วย
  • Netwokr and Internet
    สำหรับการตั้งค่าระบบเครือข่าย การกำหนดระบบเครือข่ายภายในบ้าน หรือองค์กร รวมทั้งการแสดงสถานะของระบบเครือข่ายในปัจจุบัน
  • Hardware and Sound
    เน้นเรื่องฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะ  การติดตั้งฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม รวมทั้งเครื่องพิมพ์
  • Programs
    ถอดถอนโปรแกรม และการติดตั้งโปรแกรม
  • User Accounts and Family Safety
    สำหรับการตั้งรหัสผ่านของ Windows รวมทั้งการตั้งค่า Windows สำหรับเด็กๆ ภายในครอบครัว
  • Appearance and Personalization
    เปลี่ยนแปลง Window Theme,  Background รวมถึงการปรับแต่ขนาดของหน้าจอ
  • Clock, Language and Region
    ตั้งค่านาฬิกา ภาษาในการใช้งาน Windows
  • Ease of Access
    ตั้งค่าพิเศษในการแสดงผล สำหรับผู้มีปัญหาทางร่างกาย รวมทั้งสายตา
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Control Panel
  • สำหรับ Windows 7 หรือต่ำกว่า สามารถเข้าถึง Control Panel โดยการคลิกปุ่ม Start เลือก Control Panel
  • การแสดงผลของ Control Panel มีสองรูปแบบคือ Classic และ Category view
  • การปรับแต่งค่าใน Control Panel จะมีผลทันทีกับการใช้งาน Windows

รายละเอียด Control Panel ใน Windows 7


Control Panel

    ฟีเจอร์หลักคู่ตัวของวินโดวส์อย่าง Control Panel ช่วงหลังๆ ไมโครซอฟท์หันมาเรียงตัวเลือกใน Control Panel ตามหมวดหมู่ ซึ่งเมื่อเปิด Control Panel ขึ้นมาก็จะเห็นหน้าตาเป็นดังภาพ ผลที่ตามมาคือ หาอะไรไม่ค่อยเจอ

หลายคนแก้ปัญหาโดยการปรับแสดงแบบไอคอน แต่หลังๆ นี้คงไม่เพียงพอเพราะ ตอนนี้ Control Panel ของ Windows 7 มีตัวเลือกเกือบ 50 อัน เรียงยังไงก็คงดูยาก

ทางแก้คือ search มันเลยครับ เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว หาอะไรก็เจอ จากภาพจะเห็นว่าผลการค้นหาไม่ได้แสดงเฉพาะไอคอน แต่แสดงตัวเลือกที่อยู่ในไอคอนแต่ละอันของ Control Panel ให้ด้วย
ฟีเจอร์นี้คู่แข่งอย่าง Mac OS X ทำได้ใน 10.4 Tiger พร้อมกับฟีเจอร์ Spotlight ฝั่งวินโดวส์เริ่มทำได้ตอน Vista ตอนแรกยังไม่สมบูรณ์ทั้งคู่ แต่ตอนนี้เข้าสู่สถานะที่ใช้งานได้จริงแล้ว
Control Panel ของ Windows 7 เพิ่มตัวเลือกใหม่ๆ ให้อีกหลายอัน เช่น Location and Other Sensors, Credential Manager, Biometric Devices ซึ่งผมคงไม่กล่าวถึง

UAC

ตอนนี้เราจะเริ่มลงลึกเข้ามายังตัวเลือกที่น่าสนใจบางอันใน Control Panel ซึ่งอย่างแรกคงไม่มีอื่นใดนอกจากฟีเจอร์ที่มีคนชังมากที่สุดของ Vista
UAC หรือ User Account Control เป็นฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Vista เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบ การเปลี่ยนแปลงที่กระเทือนต่อระบบจะต้องได้รับการยืนยันอีกครั้งจากคนที่มีสิทธิ์ดูแลระบบเสียก่อน ไมโครซอฟท์ยังเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นโดยปรับหน้าจอเป็นสีดำ แล้วอนุญาตให้หน้าต่าง UAC เท่านั้นที่ทำงานได้
ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นต้องแลกกับความสะดวกที่ลดลง หลังจากมี UAC ทำให้การติดตั้งโปรแกรมหรือปรับแต่งค่าต่างๆ มีขั้นตอนเพิ่มมาอีกขั้น ผู้ที่คุ้นเคยกับวินโดวส์รุ่นก่อนๆ จึงรู้สึกรำคาญ UAC และกลายเป็นความเกลียดไปในที่สุด หลายคนถึงกับปิด UAC ใน Vista ทิ้งไปเลย
โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหาอะไรกับแนวคิดแบบ UAC เพราะเป็นแนวคิดที่มีบนลินุกซ์และแมคมานานแล้ว และสุดท้ายถ้าเรายังยึดแนวทางการออกแบบระบบปฏิบัติการที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือไปจาก UAC
อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ก็รับฟังปัญหาจากผู้ใช้ และปรับปรุงให้ UAC น่ารำคาญน้อยลง อันไหนไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ต้องมี
ส่วนของการตั้งค่า UAC ใน Control Panel ถูกปรับลดลงมาให้เรียบง่าย เหลือเพียง 4 ระดับ
  • Always notify - ขึ้นเตือนเมื่อติดตั้งโปรแกรม และปรับแต่ง Windows
  • Default - ขึ้นเตือนเฉพาะติดตั้งโปรแกรม ปรับแต่งไม่เตือน
  • Default, not dim - เหมือนอันที่สอง แต่ไม่ต้องทำหน้าจอดำและบังคับคลิกเฉพาะ UAC
  • Never notify - ปิด UAC ทิ้งไปเลย
หน้าจอตัวเลือก UAC แบบนี้เข้าใจง่ายและไม่ซับซ้อน อย่างไรก็ตามมีคนพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของหน้าจอแบบนี้ ปฏิกิริยาจากไมโครซอฟท์คือยังจะคงหน้าจอแบบนี้ไว้ ซึ่งก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง 

ClearType Text Tuner

 เป็นเทคโนโลยีการแสดงผลฟอนต์บนจอ LCD ที่บิล เกตส์ เป็นคนเปิดตัวด้วยตัวเองตั้งแต่ปี 1998 มันถูกใช้ครั้งแรกใน Windows XP แต่ปิดไว้เป็น default จนกระทั่ง Vista ออกถึงได้เปิดใช้เป็น default

จากภาพเป็นหน้าจอเปรียบเทียบเวลาใช้ ClearType (บน) กับไม่ใช้ (ล่าง) แบบใช้แล้วดูดีกว่าเห็นๆ แต่ก็เป็นไปได้ว่ามีคนไม่ชอบ ใน Windows 7 ได้เพิ่ม ClearType Text Tuner เข้ามาให้ใน Control Panel 

Windows Features

อันนี้เป็นจุดเปลี่ยนเล็กๆ ของ Windows 7 ครับ หลายๆ คนน่าจะจำหน้าจอ Add/Remove Programs ได้ว่ามันจะมีหน้าจอย่อยสำหรับปรับแต่งองค์ประกอบของวินโดวส์ ใน Vista มันถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Windows Features แต่หน้าที่ยังเหมือนเดิม

ใน Windows 7 หน้าจอนี้ยังคงเหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือเราสามารถ "ปิด" ส่วนประกอบของวินโดวส์ได้มากขึ้น ของใหม่ที่สามารถ "ปิด" ได้มีดังนี้
  • Windows Media Player
  • Windows Media Center
  • Windows DVD Maker
  • Internet Explorer 8
  • Windows Search
  • Handwriting Recognition (through the Tablet PC Components option)
  • Windows Gadget Platform
  • Fax and Scan
  • XPS Viewer and Services (including the Virtual Print Driver)

Windows Action Center

ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยชิ้นสำคัญที่ถูกใส่เข้ามาใน Windows XP SP2 คือ Windows Security Center ซึ่งหน้าที่หลักๆ ของมันคือ บอกว่าเราไม่ได้ลงแอนตี้ไวรัส ช่วยเราควบคุม Windows Firewall และ Windows Update
พอมาถึง Vista ไมโครซอฟท์ปรับโฉมหน้าตาให้มันเป็น Aero และเพิ่มฟีเจอร์ด้านป้องกันมัลแวร์เข้ามาให้แต่แนวคิดหลักไม่มีอะไรเปลี่ยน
ใน Windows 7 ไมโครซอฟท์ขยายขอบเขตความรับผิดชอบของมันออกไป จากที่เคยดูแลเฉพาะด้านความปลอดภัย ก็รวมเรื่องการแก้ปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ ของคอมพิวเตอร์ เช่น ไดรเวอร์ของฮาร์ดแวร์ และการแบ็คอัพ เข้ามาด้วย ชื่อของมันเลยเปลี่ยนเป็น Windows Action Center

ไอคอนของ Windows Action Center เป็นรูปธงสีขาว ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นในระบบจะแสดงรูปกากบาทสีแดงประกอบให้เห็น

เมื่อคลิกที่ไอคอนจะแสดงหน้าต่างของ Windows Action Center ดังภาพ จะเห็นว่ามันถูกแบ่งเป็นส่วน Security กับ Maintenance และใช้โค้ดสีบ่งบอกถึงความร้ายแรงของปัญหา
คำเตือนให้ลงโปรแกรมแอนตี้ไวรัสยังมีอยู่เช่นเดิม ส่วนคำเตือนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์ มักเป็นเรื่องไดรเวอร์ ซึ่งมันจะขึ้นเตือนเวลามีฮาร์ดแวร์ใหม่แต่หาไดรเวอร์ไม่พบ หรือพบไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่ ไมโครซอฟท์เลือกใช้คำว่า "solution" สำหรับข้อความชนิดนี้

ภาพข้างบนเป็นตัวอย่างข้อความใน Action Center กรณีของผมเป็นข้อความเตือนว่ามีไดรเวอร์สำหรับระบบจัดการพลังงานของ Lenovo ซึ่งกดที่ลิงก์แล้วจะดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันที
โดยสรุปแล้ว Windows Action Center ถือเป็นพัฒนาการที่ดี แต่ความรู้สึกในการใช้งานจริงคงไม่ต่างไปจาก Windows Security Center ที่มีอยู่เดิมสักเท่าไร

Win+P

ฟีเจอร์เล็กๆ แต่เป็นหนึ่งใน "killer feature" ของ Windows 7 เลยครับ เมื่อกดปุ่ม Win+Pจะเห็นตัวเลือกสำหรับต่อจอนอกหรือโปรเจคเตอร์ มีให้เลือก 4 แบบ ดูภาพประกอบกันเอง

จากนี้ไปไม่ต้องสนใจแล้วว่าจะต้องกด Fn+F4, Fn+F5 หรือปุ่มพิสดารอื่นๆ ถ้าเครื่องนั้นเป็น Windows 7 ก็จำปุ่ม Win+P ปุ่มเดียวพอ

BitLocker to Go

หมายเหตุ: ฟีเจอร์นี้มีใน Windows 7 Enterprise ขึ้นไปเท่านั้น
ใน Vista รุ่น Enterprise ขึ้นไป มีฟีเจอร์อันหนึ่งที่คนไม่ค่อยพูดถึงกัน นั่นคือ BitLocker หรือการเข้ารหัสไดร์ว สาเหตุอาจเป็นเพราะ BitLocker มีข้อจำกัดเยอะ ใน Vista รุ่น RTM สามารถเข้ารหัสได้เฉพาะไดร์วที่ลงวินโดวส์เอาไว้เท่านั้น พอใน Vista SP1 ถึงเพิ่มความสามารถในการเข้ารหัสไดร์วอื่นๆ ได้ด้วย แต่ก็ยังจำกัดว่าต้องเป็นฮาร์ดดิสก์อยู่ดี
ใน Windows 7 ฟีเจอร์ BitLocker ก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่หายไปไหน แต่ไมโครซอฟท์ได้ขยับขยายฟีเจอร์ BitLocker ไปยัง USB drive (จะเรียกว่า "แฟลชไดร์ว" หรือ"ธัมบ์ไดร์ว" ก็แล้วแต่ถนัด) ซึ่งมีประโยชน์กว่ากันเยอะ ฟีเจอร์นี้มีชื่อเรียกว่า BitLocker to Go
จุดประสงค์การใช้งานก็ตรงไปตรงมาครับ เข้ารหัส USB drive เพื่อรักษาความลับของข้อมูลในกรณีที่อาจทำหาย 
ขั้นตอนการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เสียบ USB drive เข้ากับเครื่อง คลิกขวาที่ไดร์วแล้วเลือก BitLocker to Go

ถ้าเป็นครั้งแรกที่ใช้ BitLocker to Go จะพบกับหน้าจอข้างต้น เราต้องระบุว่าจะใช้วิธีตรวจสอบตัวตนอย่างไร ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครใช้ smart card ก็เลือกเป็นรหัสผ่านไปตามปกติ
ถ้าเลือกรหัสผ่าน BitLocker จะสร้าง recovery key ขึ้นมาให้เราหนึ่งชุด เราต้องเลือกเซฟหรือพิมพ์เก็บไว้เสียก่อน BitLocker จึงจะอนุญาตให้เราเดินหน้าต่อไป

ขั้นถัดไป ปล่อยให้ BitLocker เข้ารหัสไดร์วสักครู่
จากนั้นเวลาเอา USB drive ไปเสียบ ก็จะเห็นไอคอนกุญแจดังภาพ ซ้ายคือยังไม่ได้ปลดล็อค ขวาคือปลดล็อคแล้ว

ถ้าเอาไปเสียบกับ Windows 7 จะเห็นหน้าต่างถามรหัสผ่านเพื่อใช้งาน และมีตัวเลือกให้จำเครื่องที่ไม่ต้องใช้รหัสผ่าน

บน Windows 7 เรายังสามารถบริหารจัดการ BitLocker ได้ เช่น เปลี่ยนรหัสผ่าน, เลิกใช้งาน ฯลฯ

หลายคนอาจมีคำถามว่ามันเอาไปใช้บน Vista หรือ XP ได้หรือไม่ คำตอบคือใช้ได้ครับ แต่จะเป็น read-only เพราะเอาไปเสียบแล้วเราจะต้องใส่รหัสผ่านเพื่อเข้าโปรแกรม BitLocker to Go Reader

แต่ถ้าต้องการเอาไปใช้บนแมคหรือลินุกซ์ เราจะเห็นเฉพาะไฟล์ของ BitLocker to Go Reader ที่ไม่ถูกเข้ารหัสเอาไว้เท่านั้น เท่าที่ทดสอบ ไฟล์ส่วนของ BitLocker to Go กินเนื้อที่ประมาณ 5MB 

Cr.http://www.technointrend.com/2014/06/what-is-control-panel/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น